วันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2553

คำแนะนำในการใช้บทเรียน
เพื่อให้การศึกษาบทเรียนสำเร็จรูป เรื่อง Present Continuous Tense
มีประสิทธิภาพ และได้ประสิทธิผล นักเรียนควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
1. ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้ เรื่อง Present Continuous Tense   ให้เข้าใจโดยตั้งใจอ่านคำสั่ง ศึกษาเนื้อหาทีละตอน พร้อมกับอ่านตัวอย่างประกอบ ทำความเข้าใจให้ดีตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย  และที่สำคัญนักเรียนไม่ควรข้ามขั้นตอน
2. นักเรียนควรมีสมาธิในการศึกษาเรียนรู้เพื่อเกิดความเข้าใจอย่างมีระบบ
ไม่สับสน และมีความรับผิดชอบต่อตนเองสำหรับการศึกษาเนื้อหาและทำแบบฝึกหัด
ให้จบแต่ละกรอบไปทุกครั้ง
3. เมื่อมีปัญหาหรือไม่เข้าใจคำสั่ง  คำอธิบาย เนื้อหา และตัวอย่างประกอบในแต่ละตอน ให้ปรึกษาเพื่อน ๆ หรือซักถามครูผู้สอนทันที
4. นักเรียนต้องทำแบบทดสอบก่อนเรียน-หลังเรียน ด้วยตนเองอย่างรอบคอบและซื่อสัตย์ นักเรียนไม่ควรดูคำตอบก่อนทำแบบทดสอบ เมื่อนักเรียนทำแบบทดสอบเรียบร้อยแล้ว ให้ตรวจคำตอบจากคำเฉลย พร้อมกับศึกษาคำอธิบายและคำตอบที่ถูกต้อง
5. เพื่อทบทวนความเข้าใจบทเรียนนักเรียนควรเริ่มอ่านบทเรียนไปตามลำดับขั้นตอนอีกครั้งหนึ่งหลังจากเข้าใจบทเรียนนั้นแล้ว
6. นักเรียนสามารถศึกษาได้ตลอดเวลาที่นักเรียนเห็นว่ามีความพร้อม มีความสนใจ  และต้องการเรียนรู้อย่างแท้จริงเมื่อศึกษาบทเรียนเรียบร้อยแล้วนำมาส่งครู
7. ขอให้นักเรียนประสบความสำเร็จตามจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจไว้ สามารถฟัง
พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษ ด้วยการใช้
 Present Continuous Tense  ได้อย่างถูกต้อง          
ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
เขียนประโยคเกี่ยวกับตนเอง   กิจวัตรประจำวัน ประสบการณ์ 
และสิ่งแวดล้อมใกล้ตัว  โดยใช้โครงสร้างของ
Present Continuous Tense ได้
 จุดประสงค์นำทาง
1.  นักเรียนเขียนและพูดประโยคบอกเล่า  ปฏิเสธ และคำถามตามโครงสร้าง
     ของ 
Present
Continuous Tense ได้
2.  นักเรียนเขียนประโยค Present Continuous Tense และเลือกใช้ประโยค
     ในสถานการณ์ต่างๆ ได้


แบบทดสอบก่อนเรียน
เรื่อง Present Continuous Tense   (เวลา 20 นาที)

คำชี้แจง :  1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 10 ข้อ
                     2. ให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนลงในกระดาษคำตอบที่กำหนดให้
Choose the correct answer by putting a cross (X) on a, b, c or d
จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุด
1.  Which of the following sentences is a Present Continuous Tense?
                a.  ประโยคที่แสดงการกระทำในอดีต
                b.  ประโยคที่แสดงการกระทำในอนาคต
                c.  ประโยคที่แสดงการกระทำในปัจจุบัน
                d.  ประโยคที่แสดงการกระทำในขณะที่พูด
2. Which of the following sentences is correct?
a. He is reads a book.
b. We are work in the bank.
c. Andrew are washing the dishes.
d. We are standing in front of the school now.
3. The baby ………. because he is hungry.
a. crying
b. is crying
c. are crying
d. was cried                                                                                                                        
4.  กริยาคำใดมีหลักการเติม –ing เช่นเดียวกับคำ “running”
                a. play
                b. swim
                c. walk
                d. go



5. Jim ………. a shower at the moment.
a. aren’t taking
b. isn’t taking
c. not taking
d. be taking
6.  ข้อใดคือ ประโยคปฏิเสธของประโยค “Am I driving a car?
                a.  I’m driving a car.
                b.  I am driving a car.
                c.  I don’t driving a car.
                d.  I am not driving a car.
7. Nat………….. a shower …………….
a. is taking / at this moment
b. is taking / last week
c. taking / last year
d. takes / now
8.  ข้อใดคือ ประโยคคำถามของประโยค “He is sitting under the tree.”
                a.  Is he sit under the tree?
                b.  Is he sat  under the tree?
                c.  Is he sitting under the tree?
                d.  Is he satting under the tree?
9.  Anuchit : …………………………………….?
     Apichat : Yes, she is.
a. Is she read a newspaper now?
b. Is she reading a newspaper now?
c. She is reading a newspaper now?
d. Are she reading a newspaper now?
10.  Pisit : Is the teacher coming to class now?
       Apiwat : _____________
a. No, she is.
b. Yes, she is.
c. No, I am not.
d. Yes, she is not.


เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน
1. d                                                                        
2. d                                                                        
3. b                                                                        
4. b                                                                        
5. b                                                                        
6. d                                                                        
7. a                                                                        
8. c                                                                         
9. b                                                                        
10. b                                                                      

Present Continuous Tense
Present Continuous Tense ใช้กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นหรือกำลังกระทำอยู่
ในขณะที่พูด   มีโครงสร้างดังนี้

โครงสร้างประโยคบอกเล่า (Affirmative Form)
Subject (ประธาน)  + Verb to be + Verb – ing (กริยาเติม ing)  
+  Complement (ส่วนขยาย).










Example :           
I am cooking Tom-Yum-Kung.
(ฉันกำลังทำต้มยำกุ้ง)

Usa is sitting on the beach.
(อุษากำลังนั่งอยู่บนชายหาด)

จากประโยคดังกล่าวสรุปได้ดังนี้

I, Usa                                    คือ           ประธาน  (Subject)
am, is                                    คือ          Verb to be
cooking, sitting คือ          Verb  -ing

คำกริยา (Verb)
มีกริยา  2 ส่วน คือ
1. V. to be ได้แก่ is, am, are.
2. กริยาแท้ช่องที่ 1 เติม -ing
    ดังตัวอย่างต่อไปนี้

- ประโยคที่ 1  I        เป็นประธาน ใช้  Verb to be รูป am      กริยาแท้ คือ work เติม -ing 
- ประโยคที่ 2  You  เป็นประธาน ใช้ Verb to be รูป are        กริยาแท้ work เติม  - ing
- ประโยคที่ 3 He     เป็นประธานเอกพจน์ ใช้ Verb to be รูป  is กริยาแท้ work เติม - ing





รูปย่อของ Verb to be
  am       =             _’m        Example : I am = I’m
  is          =             _’s         Example : He is = He’s, She is = She’s
                  are       =             _’re        Example : You are = You’re, They are = They’re

กริยาที่ไม่สามารถ เติม –ing ได้

คำกริยาบางคำจะไม่สามารถใช้เป็นรูป Present Continuous Tense ได้
โดยมาก มักจะเป็นคำกริยาที่เกี่ยวกับการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 เช่น

see                          (เห็น)                    smell                      (ได้กลิ่น)
taste                       (มีรส)                     want                     (ต้องการ)
like                         (ชอบ)                    love                        (รัก)
know                     (รู้)                          understand           (เข้าใจ)
remember             (จำได้)                   hate                        (เกลียด)
need                       (จำเป็น)                mean                      (หมายถึง)             
believe (เชื่อ)                     forget                    (ลืม)
feel                         (รู้สึก)

ประโยคปฏิเสธ  (Negative Form)

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ (Negative) ของ Present Continuous Tense
ให้เติม
not หลัง Verb to be : (is / am / are) ได้เลย

โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
Subject (ประธาน) + is not / am not / are not + Verb –ing (กริยาเติม ing)
+ Complement (ส่วนขยาย).



รูปย่อ                                     is not                     คือ          isn’t     / he’s not
are not                   คือ         aren’t   /  ’re not
I am not                คือ           I’m not
Example :
Jim is not (isn’t) washing his car.
(จิมไม่ได้กำลังล้างรถ)

Tom and Rose are not (aren’t) walking on the beach.
(ทอมและโรส ไม่ได้กำลังเดินอยู่บนชายหาด)

I am not  (I’m not)  playing the guitar.
(ฉันไม่ได้กำลังเล่นกีตาร์)

ตอนที่ 1 :  จงเขียนประโยคต่อไปนี้ให้เป็นรูปประโยคปฎิเสธและประโยคบอกเล่า
Example:             I (not / work) at the bank now. I (study) French at University.
                           I am not working at the bank now.
                           I am studying French at University.

1. Look! He (not / work). He (listen) to music.
___________________________________________________
___________________________________________________
2. We (win) the match, but we (not / play) well.
___________________________________________________
___________________________________________________
3. She (not / read) a newspaper. She (write) a letter.
___________________________________________________
___________________________________________________



ประโยคคำถาม (Interrogative Form)
แบบ Yes / No Question

สำหรับการทำเป็นประโยคคำถามเราใช้
กริยา is / am หรือ are มาวางไว้หน้าประธาน ตามด้วย V. ing
แล้วใส่เครื่องหมายคำถาม
? (Question mark) ไว้ท้ายประโยค

โครงสร้างประโยคคำถาม
Is / Am / Are + Subject (ประธาน) + Verb- ing (กริยาเติม ing)
+ Complement (ส่วนขยาย)?

Example :
ประโยคบอกเล่า  He is wearing a new hat. (เขากำลังสวมหมวกใบใหม่)
ประโยคคำถาม   Is he wearing a new hat? (เขากำลังสวมหมวกใบใหม่ใช่ไหม)
Example :
ประโยคบอกเล่า They are talking. (พวกเขากำลังคุยกัน)
ประโยคคำถาม    Are they talking? (พวกเขากำลังคุยกันใช่ไหม)

ประโยคบอกเล่า  I am sitting under the tree. (ฉันกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้)
ประโยคคำถาม       Am I sitting under the tree? (ฉันกำลังนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใช่ไหม)
            
จงเปลี่ยนประโยคต่อไปนี้ให้เป็นประโยคคำถาม

1.             He is playing football.
2.             They are reading a newspaper.
3.             She is driving car.




การตอบคำถามแบบ Yes / No Question
       ในการตอบคำถามประเภทนี้ ถ้าตอบแบบสั้น (Short Answer) จะใช้ V. to be มาตอบExample :
A: Is the man riding his bicycle? (ผู้ชายคนนี้กำลังขี่รถจักรยานใช่ไหม)
B: No, he isn’t. (ไม่ใช่)

A: Is he carrying the pig? (เขากำลัง แบก/หาม หมูใช่ไหม)
B: Yes, he is. (ใช่)

การตอบคำถามแบบ Yes / No Question (ต่อ)

การตอบคำถามแบบยาว (Long answer) 
คือการตอบที่ประกอบไปด้วย Yes หรือ No แบบต้องทวนข้อความในประโยคคำถามโดยมีโครงสร้าง  ดังนี้

Yes, + subject (บุรุษสรรพนาม) + V. to be +กริยาเติม -ing + ส่วนขยาย
No, + subject (บุรุษสรรพนาม) + V. to be รูปปฏิเสธ +กริยาเติม -ing
+ ส่วนขยาย

Example :

A : Is he riding his bicycle? (เขากำลังปั่นจักรยานใช่ไหม)
B : No, he isn’t riding his bicycle. (ไม่ใช่ เขาไม่ได้กำลังปั่นจักรยาน)

ประโยคคำถาม (Interrogative Form)
คำถามแบบ Question Word
การทำให้เป็นประโยคคำถามแบบ Question Word จะวางคำแสดงคำถามไว้ข้างหน้าประโยคเสมอ และจะต้องเลือกคำแสดงคำถามให้เหมาะสมกับประโยคนั้นๆ
ซึ่งมีโครงสร้างประโยคดังต่อไปนี้


Question Word + V. to be + Subject + V-ing + Complement ?

ตอนที่ 1 : จงเรียงประโยคต่อไปนี้ให้ถูกต้อง

Example: the president and his wife / are / staying / where / ?
                 -Where are the president and his wife staying ?

1. laughing / Why / all those people / are / ?
______________________________________________.

2. is / eating / that big black dog / What / ?
______________________________________________.

3. What game / those children / playing / are / ?

เฉลย    1. Why are all those people laughing?
2. What is that big black dog eating?
3. What game are those children playing?

การตอบคำถามแบบ Question Word
                การตอบคำถาม Question Word มี 2 แบบ คือ
                1.  การตอบแบบสั้น  จะตอบเฉพาะสิ่งที่ถามเท่านั้น  ไม่มีการทบทวนข้อความในประโยค 

Example :
A : Where is Frank working? (แฟรงค์กำลังทำงานที่ไหน)
B : Office. (สำนักงาน)



จงจับคู่ประโยคคำถามกับคำตอบแบบสั้น (Short answer) ให้ถูกต้อง

A. Anna.                                                               F.  Television.
B.  Jeans and a T-shirt.                                    G.  Dishes.
C.  In a hotel.                                                      H.  Cooking.
D.  A newspaper.                                               I.  At 9 o’clock.
E.  Good.                                                             J.   A sandwich.

______1.  What is John wearing?
______2.  Where are they staying?
______3.  What are you eating?
______4.  How are you feeling?
______5.  When are you coming?
______6.  What is he reading?
______7.  What are they watching?
______8.  Who are you talking to?
______9.  What is she doing?
______10.  What are they washing?
เฉลย
1.  B
2.  C3.  J
4.  E
5.  I
6. D
7. F
8.  A
9. H
10.  G
                                                                                               
การตอบคำถามแบบ Question Word (ต่อ)
                2.  การตอบแบบยาว  จะตอบทวนประโยคคำถาม 

Example :
A : Where is he working? (เขากำลังทำงานที่ไหน)
B : He is working in the field.  (เขากำลังทำงานในทุ่งนา)

A : What are they riding? (เขาทั้งหลายกำลังขี่อะไร)
B : They are riding horse.  (เขาทั้งหลายกำลังขี่ม้า)

การนำไปใช้ (Usage)

1. ใช้สำหรับการกระทำซึ่งกำลังเกิดขึ้นขณะที่พูด และเพื่อเป็นการเน้นว่า
     เหตุการณ์  หรือการกระทำนั้นกำลังเกิดขึ้น จะมีคำแสดงเวลา ได้แก่

now                          ขณะนี้                                                 right now             ขณะนี้   
at the moment   ในขณะนี้                               this semester       ภาคเรียนนี้           
this week                สัปดาห์นี้                            this morning       เช้านี้
this year                 ปีนี้                                       just                         เพิ่งจะ                   
at this time            ขณะนี้                                 still                         ยังคง
today                       วันนี้                                    at present             ปัจจุบันนี้

Example  :
They are studying English now.
(เขาทั้งหลายกำลังเรียนภาษาอังกฤษอยู่ขณะนี้)
ตำแหน่ง ของ Adverb of Time
1. วางไว้ท้ายประโยค
2. วางไว้ต้นประโยคเมื่อต้องการเน้นที่เวลาเป็นพิเศษ


2. ใช้สำหรับการกระทำซึ่งกำลัง เกิดขึ้นประมาณเวลานี้
     แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในขณะที่กำลังพูดอยู่

Example :
He is teaching French.
(เขากำลังสอนวิชาฝรั่งเศส)

(เขาอาจจะไม่ได้กำลังทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่พูด แต่ทำอยู่ในปัจจุบัน)

3. สำหรับการนัดหมายที่แน่นอนในไม่ช้า
I am going to the party tonight.
(ฉันจะไปงานปาร์ตี้คืนนี้)
(ซึ่งหมายความว่าเตรียมตัวไว้แล้วว่าจะไป)
4.  ใช้อธิบาย หรือบรรยายเหตุการณ์ การกระทำที่วางแผนจะทำในอนาคต
      คำกริยาที่มักพบในการใช้ลักษณะนี้ได้แก่   arrive, come , go,  leave

Example :

He is arriving tomorrow morning by train at 9 a.m.
(เขากำลังจะไปถึงพรุ่งนี้เช้าโดยรถไฟ เวลา 9 โมง)